การทําสวยด้วยแพทย์ เป็นสิ่งที่หลายคนมองว่าไม่จำเป็นและหลายคนก็เห็นถึงประโยชน์ค่ะ คุณขามาดามเม้าท์จะไม่พูดถึงความชอบและความเชื่อที่แตกต่างในเรื่องนี้ แต่จะขอแชร์ประสบการณ์การทําสวยด้วย Botox และ Filler ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมานี้ให้ทุกคนได้อ่านกัน เผื่อจะเป็นข้อมูลให้คนที่อยากรู้เป็นความรู้เฉยๆรวมไปถึงคนที่อยากลองบ้างแต่ ยังกล้าๆกลัวๆ ทั้งหมดนี้เรียบเรียงจากประสบการณ์การทําสวยด้วยน้องโบฯ และน้องฟิลฯ กับ “คุณหมอวรพล สุขีวัฒนา หรือ คุณหมอโทนี” ที่ทำสวยให้ด้วย และก็ตอบคำถามเรื่อง เทคโนโลยีความงามให้มาดามเม้าท์ ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา
ไม่เชื่อดูรูป BEFORE & AFTER ของอิชั้นเป็นหลักฐาน
เห็นมะวิทยาการณ์ฯดีๆก็ช่วยชะลอวัยเราได้มากโขนะคะคุณขา
ตลอด 3 ปีที่ให้คุณหมอโทนีดูแล นอกจาก Botox & Filler แล้วมัน มีหลายสิ่งมาก ทั้งเก็บเหนียงด้วย Thermi Tight Program บูสคอลาเจน อีลาสติน ให้ผิวแข็งแรงด้วย Thermi Smooth และ Sygmalift HIFU
ใช้ฟิลเลอร์ช่วยผิวอุ้มน้ำตอนที่ผิวแห้ง จากอาการแพ้สกินแคร์มากๆ แลืวก็รักษาการคล้ำใต้ตาให้ด้วย Micro Bright Program
ดูรายละเอียดคร่าวๆได้ที่ http://www.beautymouthsy.com/2016/01/%E0%B8%BAbeautytechnologyupdatebydoctortony/
ตลอดระยะเวลา 3 ปีนี้ มาดามเม้าท์ได้คุยกับคุณหมอโทนี่แทบจะทุกอาทิตย์ เพราะพอเริ่มผิวดีขึ้น ก็เริ่มมีคนถามเยอะขึ้นโดยเฉพาะเรื่องโบท็อกซ์ ฟิลเลอร์เนี่ย ถือเป็นไอเท็มยอดฮิตเลยคร้า ถามจนต้องรวบรวมคำถามยอดฮิต ทั้ง 5 คำถามนี้ไปถามคุณหมอโทนี่เลยทีเดียว
วันนี้มาดามเม้าท์ขอรวม 5 คำถามยอดฮิต เกี่ยวกับ BOTOX และ FILLER มาตอบกันในนี้เลย
คำถามไหนที่อิชั้นตอบไม่ได้ ขออนุญาตถามคุณหมอโทนี่แล้วเรียบเรียงมาตอบให้อีกที่นะเธอ เริ่มกันที่คำถามแรกคือ
1.Filler กะ Botox ต่างกันยังไง?
ก่อนจะตอบคำถามนี้ต้องอธิบายก่อนว่าอะไรเป็นอะไรเนาะ
Botox เป็นชื่อการค้าของยา ชื่อเต็มๆคือ “โบทูลินั่มท็อกซิน” เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่สร้างและสกัดจากแบคทีเรีย ที่มีชื่อ ว่า คลอสตริเดียม โบทูลินัม (Clostridium Botulinum) หรือ แบคทีเรีย ที่มี ข่าว ครึกโครมเมื่อหลายสิบปีก่อนโน้นว่า เจอในปี๊บหน่อไม้ที่คนกิน เข้าไปแล้วเป็นอัมพาต แพทย์ตอนนั้นก็สกัดโปรตีนจากแบคทีเรีย ตัวนี้มาเป็น Botox ที่ออก ฤทธิ์โดยการทําให้เซลล์ประสาท ไม่สามารถหลั่งสารสื่อประสาทได้ทําให้กล้ามเนื้อคลายตัวพอกล้ามเกิดการคลายตัว ทําให้ผิวหนังที่เป็นริ้วรอยอยู่บนบริเวณกล้ามเนื้อนั้นๆเรียบเนียนขึ้นได้ โดยจะออกฤทธิ์ภายใน 1-2 วัยหลังจากฉีดยา และเห็นผลสูงสุดในเวลาประมาณ 30 วัน นอกจากนั้น Botox ยังรักษาอาการเหงื่อออกเยอะ ตามบริเวณ มือ เท้า รักแร้ หรือลดกล้ามเนื้อทำให้ดูเล็กลง
ส่วน Filler เป็นสารเติมเต็มจริงๆแล้วมีอยู่ 2 ชนิดค่ะ คุณขา
ชนิดที่ 1 – เป็นฟิลเลอร์แบบถาวร หรือที่เรารู้จักกันในชื่อพาราฟินนั่นแหละเธอ อยู่ยงคงกระพันธ์ แต่นานวันก็จะย้อย ตอนนี้เลยเป็นสารต้องห้ามฉีดเข้าร่างกาย เพราะมันมีความเสี่ยงเนี่ยแหละ ตัวนี้เป็นตัวที่หลายๆคนกลัว เพราะได้ยินข่าวอันตรายในการฉีดสารเติมเต็ม แต่จริงๆมันมีอีกชนิดนึงคือ
ชนืดที่ 2 – แบบไม่ถาวร คือสารเติมเต็มที่ชื่อ “ไฮยาลูโรนิก แอซิด” หรือ HA ที่เป็นสารคงความชุ่มชื้นของผิวในร่างกายตามธรรมชาติอยู่นี่แหละคุณขา แต่ Filler ชนิดนี้ มีคุณสมบัติดูดของเหลวเข้ามาในบริเวณที่ฉีด ทำให้เกิดการเติมเต็มโดยไม่เป็นอันตราย แต่พอเราฉีด Filler ปุ๊บ เอ็นไซม์ไฮยาเลสในชั้นผิวหนัง ก็จะเริ่มย่อยสลายภายใน 2-3 วัน จนหมดไปในระยะเวลา 4-6 เดือน จนมีการพัฒนาให้มีความเสถียรมากกว่าเดิมด้วยการ “เคลือบไฮยาลูโรนิกแอซิด” จนทำให้มีอายุอยู่ได้ 1-2 ปี
สรุป
Botox – เนี่ยฉีดเพื่อ “ลด” การหดเกร็งของกล้ามเนื้อใช้ลดริ้วรอยที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ อย่างพวก รอยย่นตรงหน้าผาก รอยตีนกา รอยย่นตรงหว่างคิ้วเวลาขมวดคิ้ว รอยพวกนี้เมื่อใช้โบท็อซ์รักษาจะให้ผลดีค่ะคุณขา
Filler – ใช้ฉีดเข้าไปเติมเต็มผิวบริเวณร่องลึกให้ตื้นขึ้นมา แต่จะใช้เติมเต็มรอยที่เราเห็นถึงแม้จะไม่ได้ขยับกล้ามเนื้อบนใบหน้า อย่างเช่น ร่องแก้ม ร่องใต้ตา
นอกจากนั้นแล้ว คุณหมอความงาม ยังใช้ประโยชน์จากการอุ้มน้ำของไฮยาลูโรนิกแอซิด มารักษาอาการผิวแห้ง ขาดน้ำอย่างหนักจากการแพ้ของมาดามเม้าท์ด้วย
2. หลังจากฉีดแล้วอยู่ได้นานแค่ไหน?
Botox – การฉีดโบท็อกซ์ในแต่ละจุดก็ส่งผลให้อายุขัยของนางต่างกันนะเธอ อันนี้หลายคนไม่รู้แต่มาดามเม้าท์เรียกว่าลองทุกส่วนแล้วบนหน้าและพบมันเหมือนหมดอายุไม่พร้อมกันเลยถามหมอต้อง (นายแพทย์วรพล สุขีวัฒนา) มา รวบรวมใจความได้ว่า
– โบท็อกซ์ลดริ้วรอยบริเวณใบหน้าส่วนบน อยู่ได้ 3 – 6 เดือน
– โบท็อกซ์ลดกราม แขน น่อง อยู่ได้ 6 – 12 เดือน
– โบท็อกซ์ลดกลิ่นตัว ลดเหงื่อ อยู่ได้ 4 – 6 เดือน
– โบท็อกซ์ลดความมันและลดรูขุมขน อยู่ได้ 3 เดือนอันนี้อายุสั้นหน่อยเพราะใช้ปริมาณโบท็อกซ์เจือจางมากกว่าการแก้ไขปัญหาในส่วนอื่น
Filler
อันนี้ขอแยกประเภทเนอะ
– Filler HA Filler (ไฮยาลูโรนิกแอซิด) มีลักษณะคงตัว ใช้ในการฉีดเติมเต็มในส่วนที่ขยับย่อยๆเช่นร่องแก้ม ปาก อยู่ได้ 4-6 เดือน แต่ถ้าเป็นการฉีดทดแทนไขมันที่เสื่อมใต้ผิว เติมเต็มคาง หรือจมูก จะอยู่ได้ 1-2 ปี
– Filler แบบ Skin Booster อันนี้จะเป็นลักษณะเป็นเจลนิ่ม หมอจะใช้ฉีดตื้นๆในผิวฉ่ำน้ำ เติมเต็มส่วนที่บางๆ แก้ปัญหาหลุมสิว พวกนี้อยู่ได้ 6 เดือน
3. ฉีด Botox & Filler จะทําให้มีรอยชํ้าเขียวมั้ย มีผลข้างเคียงหรือไม่?
Botox – ถ้าแพทย์ผู้ฉีดไม่เชี่ยวชาญ ฉีดมากเกินไปก็จะทำให้เกิดอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง เหมือนในข่าวที่เราเห็นว่าเกิดอาการตาตกจากการฉีดโบทอกซ์ลดรอยตีนกา แถมกล้ามเนื้อที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของใบหน้าแต่ละจุด เป็นเรื่องที่โคตรละเอียดอ่อนอ่ะเธอ เพราะงั้นอิชั้นถึงได้ย้ำกับทุกคนที่ถามเรื่องนี้เสมอว่า เลือกคุณหมอที่มีความเชี่ยวชาญเท่านั้นฉีดโบทอกซ์อ่าไม่ยาก แต่ฉีดกล้ามเนื้อมีดไหน ลึกเท่าไร ตัวยามากแค่ไหน อันนี้ต้องใช้ความรู้เฉพาะทางจริงเธอๆ ไม่ใช่ดูหมอฉีกทุกวันก็ทำได้เหมือนการแอบอ้างของหมอกระเป๋าทั่วไป
Filler – ถ้าผู้ฉีดไม่เข้าใจเรื่องชั้นไขมันและชั้นผิวของใบหน้า แล้วฉีดสารเติมเต็มน้อยเกินไปก็ไม่เห็นผล แต่ถ้าฉีดมากเกินไปจนไปเบียดเส้นเลือดฝอยตามเนื้อเยื่อ ทีนี้แหละเนื้อเยื่อบริเวณนั้นก็จะอักเสบ ติดเชื้อ เสียหายได้ แล้วโดยเฉพาะถ้าผู้ฉีดไม่มีความรู้ในการฉีดจริงๆทำให้ฟิลเลอร์เข้าไปสู่เส้นเลือด ผลเสียใหญ่หลวงคือทำให้เส้นเลือดตีบจนเป็นผลเสียค่ะคุณขา
แต่เดี๋ยวนี้ เทคโนโลยีความสวยด้วยแพทย์ก้าวไปไวมาก เพราะมีโปรแกรมบอกตำแหน่งเส้นเลือด หรือที่เรียกว่า โปรแกรม “Vein Mapping” ไว้ตรวจหาเส้นเลือดฝอยลดรอยเขียวช้ำ โปรแกรมนี้ช่วยให้การลงเข็มของหมอตอนฉีดโบทอกซ์ ฟิลเลอร์ ในการที่จะไม่ถูกเส้นเลือดที่อยู่ใต้ผิวหน้า หรือถ้าต้องการให้น้ำเกลือเข้าเส้นเลือด ก็ไม่ต้องคลำหาเส้นเลือดอีกแล้วค่ะเธอ เพราะโปรแกรมนี้บอกตำแหน่งให้แล้ว
หลักการทำงานของ Vein Mappimg ก็คือใช้แสง Infrared ในการจับกับเม็ดเลือดฝอยขนาดเล็ก หมอจะเห็นเส้นเลือดบนใบหน้าได้ลึกถึง 1.5 เซนติเมตร เลยเป็นเทคโนโลยีที่เอื้ออำนวยความสะดวกให้กับหมอ แล้วก็ลดอัตราที่จะเกิดการเขียวช้ำได้สูงมากด้วยค่ะ
4. ฉีดโบทอกซ์นานๆ อันตรายมั้ย
อันนี้เป็นสิ่งที่หมอที่มีจรรยาบรรณจะแนะนำว่า ให้ทิ้งช่วงการฉีดหลังจากที่โบทอกซ์เดิมหมดฤทธิ์แล้วประมาณ 3 เดือนเป็นอย่างต่ำ ถ้าให้ดีๆเลยก็เว้นสัก 4-6 เดือน เพราะไม่งั้นจะเสี่ยงกับการตื้อโบทอกซ์เด้อ
ใครบ้างที่ต้องระวังในการฉีดโบทอกซ์
คนที่เข้าข่ายข้อนี้ คือ ต้องบอกหมอก่อนทุกครั้งที่จะทำสวยด้วยโบทอกซ์เน้อ
คนท้อง / กำลังให้นมลูก / อายุ 65 ปีขึ้นไป / เคยมีประวัติอาหารเป็นพิษที่เกิดจากเชื้อ Botuinum Toxin / มีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงตรงที่จะฉีด / เป็นโรคเกี่ยวกับระบบประสาท / มีอาการปวดข้อ / เคยมีประวัติแพ้ไข่ขาว / มีแผลติดเชื้อตรงที่จะฉีด / กำลังกินวิตามินอี หรือ แปะก๊วย (ต้องงดก่อนไปฉีด ไม่งั้นเลือดแข็งตัวช้า)
อันสุดท้าย คนที่คยตึงหน้ามาก่อน อันนี้ต้องแจ้งคุณหมอก่อนเลยนะค่ะคุณขา เพราะคนที่เคยผ่านศัลยกรรมนี้ จะตอบสนองกับโบทอกซ์ต่างออกไป ต้องบอกหมอก่อนเพื่อให้ประมาณปริมาณยาให้เหมาะสม
5. การเตรียมตัวก่อนฉีด และ ดูแลหลังฉีด
ก่อนฉีด – ถ้าใครกินวิตามินอี น้ำทันตับปลา สารสกัดจากแปะก๊วย ยาแก้ปวดในกลุ่มแอสไพริน หรือเอ็นเสดส์ ต้องหยุดกินก่อน 1 อาทิตย์ก่อนมาทำสวย เพราะคนกินวิตามินหรือยากลุ่มที่บอกมา เลือดจะแข็งตัวช้า มันจะเป็นรอยช้ำได้ง่ายค่ะเธอ
ที่มา : www.beautymouthsy.com/2017/05/4-questions-about-botox-filler/