ปัญหาริมฝีปากบาง หรือรูปทรงปากที่ไม่ได้รูป ส่งผลให้ใบหน้าไม่ได้สัดส่วนที่สวยงาม และทำให้ดูมีอายุ นอกจากการผ่าตัดศัลยกรรมปากแล้ว การฉีดฟิลเลอร์ถือเป็นอีกทางเลือกที่กำลังได้รับความนิยม เพื่อช่วยปรับเปลี่ยนทรงรูปปากให้ได้รูปทรงตามที่ต้องการ อีกทั้งยังใช้เวลาในการรักษาไม่นาน และไม่ต้องพักฟื้น ทำให้หลายๆคนหันมาสนใจและใช้ฟิลเลอร์เพื่อปรับเปลี่ยนรูปปาก ให้เป็นธรรมชาติ ดูอ่อนกว่าวัย และเพิ่มวอลลุ่ม ให้ปากดูอวบอิ่ม มีน้ำมีนวล ไม่แห้งกร้าน
การรักษาริมฝีปากให้สวย ด้วย Filler
เป็นการฉีดสาร HA Filler ที่มีความปลอดภัย เป็นสารที่พบตามธรรมชาติในร่างกาย HA เป็นสิ่งที่ร่างกายของเราผลิตได้เอง แต่จะมีปริมาณที่น้อยลงเมื่อเรามีอายุมากขึ้น HA มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำ เพิ่มและปรับขนาดโครงสร้างใต้ชั้นผิวหนัง การฉีดฟิลเลอร์ริมฝีปากเป็นการรักษาเพื่อเสริมความงาม ซึ่งมักจะมีความเสี่ยงอยู่มาก การรักษาหรือฉีดโดยแพทย์ผู้ชำนาญจึงเป็นสิ่งสำคัญ การฉีดฟิลเลอร์ปาก สามารถเติมเต็มร่องปาก ยกมุมปากได้ในผู้ที่มุมปากทั้ง 2 ข้างไม่เท่ากัน เพื่อให้ได้รูปปากที่เหมาะสมกับสัดส่วนของใบหน้า สามารถปรับริมฝีปากที่บางเกินไปให้ดูอวบอิ่มขึ้นมาได้ ทำให้ปากดูเซ็กซี่ ให้ขอบปากให้ได้รูปทรงชัดเจนทาลิปสติกสวยขึ้น ซึ่งหลังฉีดหากคนไข้ไม่พอใจกับผลลัพธ์ที่ได้ ก็สามารถจะสลายฟิลเลอร์ได้ทันที
ฟิลเลอร์ปากเหมาะกับใคร
- ผู้ที่ปัญหามุมปากตก ลักษณะรูปปากที่ไม่ได้สัดส่วน
- ผู้ที่มีริมฝีปากบาง ริมฝีปากไม่เท่ากัน ปากเปี้ยว
- ผู้มีริมฝีปากบางแห้งกร้าน ต้องการเพิ่มความชุ่มชื้นเพื่อให้ทาลิปสติกได้สวยขึ้น
ข้อดีของการใช้ FILLER เพื่อรักษาริมฝีปากบาง
- ช่วยเติมเต็มริมฝีปากให้สวยได้อย่างเป็นธรรมชาติ
- เห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังทำ
- เป็นการแก้ไขปัญหาโดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่เจ็บและมีความปลอดภัย หากฉีดโดยแพทย์ผู้ชำนาญ
- หลังทำไม่ต้องพักฟื้น และมีโอกาสเขียวช้ำได้น้อย
ผลลัพธ์ที่ได้หลังฉีด FILLER ปาก
- ริมฝีปากได้รูปทรงที่สวยขึ้น และทำให้ใบหน้าดูได้สัดส่วน
- ริมฝีปากดูอวบอิ่ม ดูเซ็กซี่ และรูปทรงชัดเจน ทาลิปสติกสวยขึ้น
- อาจมีรอยช้ำและอาการบวมเล็กน้อย ซึ่งจะหายไปเองภายใน 4-5 วัน
- ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 1-1.5 ปี (ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล)
- ฟิลเลอร์สามารถสลายตัวไปตามธรรมชาติโดยไม่เป็นอันตราย
การเตรียมตัวและการดูแลหลังการฉีดฟิลเลอร์
ก่อนฉีด 1 สัปดาห์ ควรหยุดกินวิตามินอี น้ำมันปลา คอลลาเจน สารสกัดแปะก๊วย (กิงโกะ) ยาลดการแข็งตัวของเลือด และยาแก้ปวดบางชนิด (แอสไพรินและยาในกลุ่ม NSAIDs) เนื่องจากอาหารเสริมและยาเหล่านี้ทำให้เลือดออกแล้วหยุดยาก อาจทำให้มีรอยเขียวช้ำจากอาการเลือดออกใต้ผิวหนังเพิ่มขึ้น นอกจากนี้หากมีโรคประจำตัว เคยมีประวัติแพ้ยาหรืออาหารเสริม กำลังตั้งครรภ์หรืออยู่ในระยะให้นมบุตร ควรแจ้งแพทย์ก่อนฉีดเช่นเดียวกัน
Review
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์
ฉีด Filler เจ็บหรือไม่ ?
– เราสามารถใช้ยาชาเฉพาะจุด หรือประคบน้ำแข็งเพื่อลดความเจ็บ ซึ่งคนไข้ส่วนใหญ่มักบอกว่าเจ็บเล็กน้อยหรือไม่มีอาการเจ็บเลยระหว่างการรักษา
ใช้เวลาในการรักษานานเท่าไหร่ ?
– ระยะเวลาในการรักษาแบบคร่าวๆ จะใช้เวลาประมาณ 20 นาที ในกรณีนี้อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ฉีด
ขั้นตอนการรักษา ?
– คุณหมอจะประเมินและให้คำแนะนำก่อนการฉีดทุกครั้ง หลังจากนั้นแปะยาชาก่อนฉีดและทำการฉีดในบริเวณที่ต้องการ ซึ่งหลังทำสามารถใช้ชีวิตได้ปกติ ไม่มีรอยแผลเป็นหรือรอยเชียวช้ำใดๆ
ผลลัพธ์จะยังคงอยู่นานแค่ไหน?
– ผลการรักษาด้วยฟิลเลอร์จะยังคงปรากฏให้เห็นเป็นเวลา 6 ถึง 18 เดือน
อายุเท่าไหร่ถึงจะสามารถฉีด Filler ?
– แนะนำสำหรับคนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
ทำไมต้องเลือกฉีด Filler ปาก ที่ Dr.Tony Clinic
– ใช้ผลิตภัณฑ์แท้จาก Allergan ทั้งโบท็อกซ์และฟิลเลอร์
– ใช้เครื่องส่องเส้นเลือด มั่นใจไม่มีรอยเขียวช้ำให้ใครจับได้
– ใช้เทคนิคการฉีดที่ปลอดภัยและผลลัพธ์ธรรมชาติ
–ฉีดโดยแพทย์ผู้เป็น Allergan Medical Institute Trainer ประจำประเทศไทยมายาวนานกว่า 10 ปี