สรุปเนื้อหาสำคัญ
– โลหะหนักคือสารทั่วไปที่พบได้ในร่างกาย แต่หากได้รับในปริมาณมากเกินไป จะทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกาย อาทิเช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ ไขมันในเส้นเลือด

– ปรอท (Hg) ตะกั่ว (Pb) แคดเมียม (Cd) สารหนู (As) โครเมียม (Cr) โลหะหนักพวกนี้จัดเป็นโลหะหนักที่เป็นพิษต่อร่างกาย

– ด้วยไลฟ์สไตล์คนยุคนี้ทำให้เรามีอัตราความเสี่ยงในการรับสารปนเปื้อนหรือสารโลหะหนักจาก
ที่ต่างๆ อาทิเช่น การบริโภคปลาจากแหล่งน้ำที่มีสารพิษปนเปื้อน การใช้เครื่องสำอาง การสูบบุหรี่
หรือแม้แต่การใช้ชีวิตประจำวันที่เจอสารพิษจากสิ่งของเครื่องใช้ อาทิ แบตเตอรี่

– เราสามารถล้างสารพิษในร่างกายได้ด้วยการทำ Chelation (คีเลชั่นบำบัด)

 ผ่านทางน้ำเกลือ ที่มีสารประกอบประเภทกรดอะมิโน ( EDTA ) โดยผสมกับวิตามินและแร่ธาตุ โดยที่ EDTA จะทำหน้าที่ในการจับสารโลหะหนัก เช่น ตะกั่ว

– ประโยชน์ที่ได้รับจะช่วย ลดความดันโลหิต ลดการอุดตันในหลอดเลือดทั้งในสมองและหัวใจ  ลดการเกิดโรคหัวใจกำเริบ

ลดอาการอักเสบของผิวหนัง ลดการเกิดข้ออักเสบ ลดโอกาสการเกิดมะเร็ง

 

โลหะหนักคืออะไร

ธาตุที่มีน้ำหนักมากกว่าน้ำ 5 เท่า หรือมีความถ่วงจำเพาะตั้งแต่ 5 ขึ้นไป โดยส่วนมากธาตุโลหะหนักเหล่านี้ ถูกนำมาใช้ประโยชน์ทางอุตสาหกรรม

บางชนิดมีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น แมงกานีส (Mn), เหล็ก (Fe), ทองแดง (Cu) และสังกะสี (Zn แต่บางชนิดก็เป็นพิษต่อร่างกาย อาทิ ปรอท (Hg) ตะกั่ว (Pb) แคดเมียม (Cd) สารหนู (As) โครเมียม (Cr) โลหะหนักพวกนี้จัดเป็นโลหะหนักที่เป็นพิษต่อร่างกาย

โลหะเหล่านี้ถูกนำมาใช้ในทางอุตสาหกรรม เช่นทำเหมืองแร่ โรงงานผลิตสารเคมี ถ่านหิน การทำแบตเตอรี่ การใช้ปุ๋ยและยากำจัดศัตรูพืชในการเกษตรกรรม อย่างไรก็ตามหากโลหะหนักเหล่านี้ ขาดการจัดการของเสียที่ดีและถูกปล่อยลงสู่สิ่งแวดล้อมจะทำให้เกิดการผลกระทบต่อระบบนิเวศน์และสิ่งมีชีวิตได้ โดยที่คนหรือสัตว์เลี้ยงบริโภคน้ำหรืออาหารที่มีการปนเปื้อนเป็นเวลานาน
ก็จะทำให้เกิดการสะสมและอาจเกิดอันตรายต่อร่างได้

กลุ่มคนที่มีความเสี่ยงคือกลุ่มคนที่รับประทานอาหารโดยประเภทปลาที่อาศัยอยู่ในบริเวณที่มีสารปรอทในระดับที่สูง หรือยาสมุนไพรที่มีส่วนผสมของโลหะหนัก การดื่มน้ำที่ปนเปื้อนโลหะหนัก
การสูดดมผงฝุ่นที่มีส่วนผสมของโลหะหนัก และการสูบบุหรี่ การทำงานที่โรงงานที่เป็นโลหะหนัก รวมไปถึงการใช้เครื่องสำอางค์ที่มีส่วนผสมของโลหะหนัก

อาการหลังได้รับโลหะหนัก

ภาวะเฉียบพลันจากการได้รับสารโลหะหนักในปริมาณมากในครั้งเดียว
– จะมีอาการ มึนงง ตัวชา อาเจียน และอาจถึงขั้นหมดสติ

ภาวะได้รับสารพิษสะสมในระยะยาว
– จะมีอาการ เวียนศีรษะ อ่อนแรง เหนื่อยเพลีย ปวดตามกล้ามเนื้อ ข้อ ท้องผูก และเป็นสาเหตุให้เกิดโรคมะเร็งต่างๆ ได้
–  ปวดศรีษะบ่อย หงุดหงิด อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ง่วงนอน สมาธิไม่ดี ความจำเสื่อม
–  ปวดเมื่อยตามร่างกาย ปวดตามข้อและกระดูก รูมาตอยด์
–  ท้องผูกเรื้อรัง มีกลิ่นปาก กลิ่นตัว
–  ปัญหาผิวพรรณ สิว ฝ้า
–  หอบหืด ภูมิแพ้ เป็นลมพิษง่าย
–  ระบบเผาผลาญทำงานน้อยลง ทำให้อ้วนง่าย
–  เบื่ออาหาร ท้องอืด ท้องเฟ้อ เรอ ผายลมบ่อยๆ

Chelation Therapy (ล้างพิษหลอดเลือด)

การทำคีเลชั่นบำบัด คือการกำจัดสารพิษและโลหะหนักในร่างกาย  

การล้างพิษหลอดเลือด ผ่านทางน้ำเกลือ ที่มีสารประกอบประเภทกรดอะมิโน

( EDTA ) โดยผสมกับวิตามินและแร่ธาตุ โดยที่ EDTA จะทำหน้าที่ในการจับสารโลหะหนัก เช่น ตะกั่ว ปรอท  สารหนู 

ระยะเวลาในการให้น้ำเกลือแต่ละครั้งประมาณ 2 ชั่วโมง ระหว่างที่ให้น้ำเกลือ สามารถพักผ่อน ดูโทรทัศน์ อ่านหนังสือหรือฟังเพลงได้ปกติ

ภายหลังเสร็จการรักษาสามารถประกอบกิจกรรมต่างๆในชีวิตประจำวันได้เหมือนเดิม

 

คีเลชั่นเหมาะกับใครบ้าง

– บุคคลที่มีความเสี่ยงของการอุดตันของหลอดเลือด เช่น อุดฟันด้วยโลหะ

– บุคคลที่ชอบดื่มชา กาแฟ แอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ หรืออยู่ใกล้ชิดผู้ที่สูบบุหรี่

–  ผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอ การไหลเวียนโลหิตบกพร่อง มีอาการ เช่น เวียนหัวง่าย ฯลฯ

–  ผู้ที่มีปัญหาโรคความดันโลหิตสูง เนื่องจากหลอดเลือดไม่ยืดหยุ่น

–  ผู้ที่แข็งแรงดี แต่ต้องการป้องกันตนเองจากโรคมะเร็งและโรคเส้นเลือดตีบตัน

–  ผู้ที่ไปทำบอลลูนเส้นเลือด ทำบายพาสมาแล้ว

        

ประโยชน์และผลที่จะได้รับ

–  ลดความดันโลหิต

–  ลดการอุดตันในหลอดเลือดทั้งในสมองและหัวใจ

–  ลดการเกิดโรคหัวใจกำเริบ

–  ลดอาการอักเสบของผิวหนัง

–  ลดการเกิดข้ออักเสบ

–  ลดอาการหอบหืด ภูมิแพ้

–  ระบบการหมุนเวียนโลหิตทั่วไปดีขึ้น

–  ช่วยให้ประสาทการรับรู้ต่างๆ เช่น รสชาติ ภาพ เสียงดีขึ้น

–  บรรเทาอาการเหน็บชา

–  ระบบการทำงานของปอดดีขึ้น

–  ลดโอกาสเกิดมะเร็ง

–  ลดระดับไขมันในเลือด

–  ลดโอกาสสูญเสียอวัยวะ

–  คลื่นไฟฟ้าหัวใจให้ดีขึ้น

–  ช่วยให้สมองแจ่มใส ช่วยให้ความจำดี

–  ช่วยอาการอ่อนเพลียเรื้อรัง

 

ทำคีเลชั่นต้องเริ่มต้นอย่างไร

เริ่มต้นจากการเข้ามาให้แพทย์ตรวจและวิเคราะห์ค่าต่างๆ ในร่างกาย อาทิเช่น
ตรวจวิเคราะห์เม็ดเลือด  ตรวจเลือดดูค่าการทำงานของไตตรวจปัสสาวะ ตรวจสารโลหะหนักในเนื้อเยื่อ 

 

คีเลชั่นความปลอดภัยหรือไม่

การทำคีเลชั่นโดยใช้สาร EDRA ได้รับการยอมรับจากแพทย์ทั่วโลกในเรื่องความปลอดภัย โดยมีการนำไปใช้ในผู้ป่วยมากกว่า 2 ล้านคนและใช้มากกว่า 8ล้านครั้ง โดยยังไม่พบเคสที่ผู้ใช้เกิดปฎิกิริยาด้านลบ ทำให้มั่นใจได้ว่าการทำคีเลชั่นมีความปลอดภัย

Source:
https://www.siamchemi.com/%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%AB%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81/

https://www.scispec.co.th/learning/index.php/blog/elemental/81-2019-03-26-02-47-01